JWD ราคาขยับ แถมวอลุ่มกระฉูด แม้ผลงานไตรมาสแรกกำไรลดลง 24% พบราคาทำไฮสูงสุดในรอบ 1 เดือน โบรกฯ ชี้มีลุ้นผลงานครึ่งปีหลังฟื้นตัว หลังคลายล็อคดาวน์ ช่วยหนุนการขนส่งสินค้าจะกลับมาดำเนินการได้ปกติ ส่วนทั้งปีหากถ้าโรงงานผลิตรถยนต์เปิดล่าช้า รายได้มีสิทธิ์ร่วง 30% แต่นักวิเคราะห์กลับแนะนำซื้อ เพราะราคาหุ้นมีอัพไซต์เกือบ 30%
ราคาหุ้น บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์(JWD)วานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 4% มาปิดที่ 6.75 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน หลังจากที่เคยขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 6.90 บาท เมื่อวันที่ 23 เม.ย.63 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายก็หนาแน่นผิดปกติ +668.71% เมื่อเปรียบเทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้า
แม้ว่า JWD จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/63 ทำได้เพียง 93 ลบ. ลดลง 24% จากไตรมาสก่อน เติบโต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนก็ตาม จึงน่าสนใจว่า ราคาหุ้นที่ขยับขึ้นมานั้น มีสาเหตุจากอะไร
*** คาดไตรมาส 2/63 กำไรทรุดกว่า 70 ลบ. ต่ำสุดในรอบปี
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มไตรมาส 2/63 คาดรายได้จากกลุ่มยานยนต์จะหดตัวอย่างมีนัยสำคัญขึ้น ขณะที่เป็น Low season ของกลุ่มสินค้าอันตราย แต่ได้คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ คลังสินค้าทั่วไป และคลังสินค้าเคมีภัณฑ์ที่มีอัตราการเช่าใช้มากขึ้นช่วยลดผลกระทบ คาดกำไรไตรมาส 2/63 เบื้องต้นอาจลดลงไปที่ 70 ลบ.+/- แต่จะเป็นไตรมาสต่ำที่สุดของปี ซึ่งหากเป็นไปตามที่คาดจะทำให้กำไรครึ่งแรกของปี 63 คิดเป็นสัดส่วน 52% ของประมาณการกำไรทั้งปีของเรา ซึ่งปกติกำไรในครึ่งปีหลังมักจะสูงกว่าครึ่งปีแรก ทำให้ประมาณการมี Downside risk จำกัด
*** ลุ้นครึ่งปีหลังรายได้ฟื้นตัว หลังคลายล็อคดาวน์
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า เนื่องจากธุรกิจลานสินค้าอัตราย จะเข้าสู่ช่วง High-season ในครึ่งหลังของปี 63รวมถึงการคลายล็อคดาวน์ จะทำให้การส่งสินค้าภายในประเทศและการขนส่งข้ามพรมแดนกลับมาเติบโต รวมถึงกลุ่มยานยนต์คาดว่าจะผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/63 นอกจากนี้ธุรกิจใหม่ Brage terminal คาดว่าจะเริ่มมีปริมาณตู้สินค้าที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือน มิ.ย. เป็นต้นไปจากเดือน มี.ค. ที่เพียง 500 - 600 ตู้ เนื่องจากการท่าเรือออกกฎให้เรือตู้สินค้าต้องผ่านเข้า-ออกที่ท่าเรือชายฝั่งก่อน ซึ่งจะเอื้อต่อจำนวนตู้ที่เข้า-ออก Barge terminal นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในกัมพูชา (PPSEZ) และเวียดนาม (TMS) จะมีผลประกอบกาที่เร่งตัวขึ้นในครึ่งหลังของปี 63 เช่นกัน
*** ถ้าโรงงานผลิตรถยนต์เปิดล่าช้า รายได้มีสิทธิ์ร่วง 30%
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์ JWD คาดรายได้ปี 2563 จะลดลง 10%YoY (Base case) ซึ่งหากกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์กลับมาเปิดโรงงานล่าช้า รายได้จะลดลง 30% จากปีก่อน (Worst case) ขณะที่บริษัทมีแผนควบคุม SG&A ลดรายจ่ายที่เกี่ยวกับการเดินทาง และให้พนักงาน Work From Home แต่แผนลงทุนยังเดินหน้าตามเดิม ได้แก่ คลังเย็นที่มหาชัย (10,000 Pallets), คลังเก็บเอกสาร (23,360 Pallets), และห้องเก็บของส่วนตัว (1,380 ตรม.) ส่วนแผน Divest ธุรกิจอาหาร มีอุปสรรคการเดินทางไปไต้หวันจึงทำให้ล่าช้า คาดจะเห็นความคืบหน้ามากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี
*** กูรู แนะนำซื้อ ราคาหุ้นมีอัพไซต์เกือบ 30%
จากการรวบรวมข้อมูลจากโบรกเกอร์พบว่า ส่วนใหญ่แนะนำซื้อ JWD เนื่องจาก Downside risk เริ่มจำกัด ขณะที่ราคาหุ้นนั้นมีอัพไซด์สูงเกือบ 30% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ยของ IAA Consensus ที่ 8.61 บาท
โดย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ภายใต้ฐานกำไรใหม่ปี 2563 ส่งผลให้ราคาเป้าหมายปี 2563 ลดลงมาที่ 9 บาท (เดิม 10.60 บาท) อิง DCF ราคาหุ้นปัจจุบันเหลือ Upside เปิดกว้าง คงคำแนะนำซื้อ
ขณะที่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ได้คงประมาณการ คงราคาเป้าหมายที่ 8.00 บาท และคงคำแนะนำ ซื้อ แต่ช่วงสั้นราคาหุ้นยังขาดตัวเร่งหนุน เนื่องจากกำไรไตรมาส 2/63 อาจชะลอลงทั้งไตรมาสก่อนหน้า และจากปีก่อน จึงแนะนำ Wait & see จนกว่าจะผ่านช่วงรายงานงบไตรมาส 2/63 ไปแล้วหรือมีตัวเร่งใหม่
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท)
ทิสโก้ ซื้อ 10
หยวนต้า(ประเทศไทย) ซื้อ 8
เอเซีย พลัส ซื้อ 9
คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อ 8
กสิกรไทย ซื้อ 8.6
แม้ว่า โบรกเกอร์ต่างคาดการณ์ผลงานไตรมาส 2/63 ของ JWD จะออกมาต่ำสุดของปี แต่ดูเหมือนว่า ราคาหุ้น JWD จะไม่สนเรื่องนี้เท่าไหร่นัก อาจเพราะอัพไซด์ที่สูงบวกกับความคาดหวังว่า หากปลดล็อคดาวน์ได้เมื่อไหร่ธุรกิจโลจิสติกส์จะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
0 Response to "JWD อัพไซด์กว้าง...แต่เส้นทางยังขรุขระ! - efinanceThai"
Post a Comment