เมื่อเริ่มคลายล็อกดาวน์ ก็เริ่มเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ สิ่งแรกที่แว็บเข้ามาในหัวคือต้องออกเดินทาง และสถานที่แรกที่ลอยเข้ามาก็คงจะไม่พ้นอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ที่นี่ผมตั้งใจจะไปเดินมาหลายครั้งมากนับไม่ถ้วนเพราะมัวแต่รอคนนั้น รอคนนี้ สุดท้ายก็ไม่ได้ไป ครั้งนี้ผมตัดสินใจเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า พร้อมที่จะออกเดินทางอีกครั้งและปลายทางของผมนั้นคืออุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
2 ทุ่ม ของเย็นวันศุกร์ หลังเลิกงาน ผมมุ่งตรงไปที่สถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุช ซึ่งเป็นสถานที่ ที่ผมนัดเจอกับรุ่นน้องเพื่อที่จะไปขอแจมในการเดินป่าครั้งนี้ ผมออกเดินทางจาก กทม เพื่อตรงเข้าสู่ อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก กับการเดินทางมาท่องเที่ยวธรรมชาติในสถานที่แห่งนี้ ใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมงครึ่ง
เช้าวันใหม่ ณ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ซึ่งเป็นจุดที่ใช้ในการลงทะเบียนขึ้นลานสนภูสอยดาวในเช้าวันนี้ ณ เวลา 8 โมงเช้า นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยกันมาถึงและกรอกใบลงทะเบียนที่ได้จองไว้ เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางกันเข้ามาครบ รถกระบะของเจ้าหน้าที่ก็พาเราไปส่งยังทางขึ้นภูสอยดาว และการเดินทางเข้าสู่ภูสอยดาวก็เริ่มขึ้น
ผมเริ่มออกเดินเกาะไปกับเพื่อนพี่น้องกลุ่มเล็กๆ แต่ไม่นานก็เหลือเพียงผมที่อยู่รั้งท้ายกลุ่ม สถานที่แห่งนี้ดูจะเป็นป่าที่มีเส้นทางที่ชัดเจน และการจะเดินไปถึงยังจุดตั้งแคมป์นั้นก็จะต้องผ่าน 6.5 กิโลเมตร เราเดินเท้าขึ้นเขาที่ลาดชันและผ่านเนินวัดใจทั้งหมด 5 เนิน คือเนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินป่ากอ เนินเสือโคร่ง และเนินมรณะ ซึ่งเป็นเนินสุดท้าย เนินที่ใครๆ เห็นแล้วก็ต้องร้องโฮ้ !! เพราะเป็นเนินสุดท้ายที่ลาดชันที่สุด ที่ดูจะสาหัสอยุ่ไม่น้อย
ลานสนภูสอยดาว ระดับความสูง 1,633 เมตร จากระดับน้ำทะเล เส้นทางราบสลับเส้นทางชันก็อาจจะทำให้เมื่อยล้าได้ตั้งแต่แรกเริ่มเดิน แต่เมื่อเริ่มปรับอุณภูมิของตัวเองได้คงที่แล้ว การเดินขึ้นภูเขาก็จะเป็นอีกหนึ่งในความสุขของใครหลายๆ คน ที่ชอบในการท่องเที่ยวธรรมชาติและเคยชินไปกับความเมื่อยล้าที่การเดินทางได้มอบให้ การออกเดินทางในแต่ละครั้งเพื่อไปยังสถานที่ต่างๆ ที่เราได้เลือกไว้ ก็คงจะเป็นข้ออ้างสนุกๆ อย่างนึง ที่ทำให้เราได้มาพบกับโลกใบใหม่ที่แสวงหา และบางครั้งการเดินทางอย่างต่อเนื่องก็อาจได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ เกี่ยวกับสถานที่ที่เรายังไม่เคยได้ไปสัมผัส ซึ่งเป็นอารมณ์และความคิดของผู้อื่นที่ไม่ใช่ตัวเรา เป็นสิ่งที่ไม่สามารถตัดสินในสถานที่ ที่เรายังไม่เคยไปถึงได้ เพราะนั่นเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของผู้อื่น
ผมเดินข้ามผ่านเนินปราบเซียนและเนินเสือโคร่งมาอย่างเมื่อยล้า และกินพลังงานผมไปพอสมควร ก่อนที่จะได้พบกับเนินสุดท้ายที่มีชื่อว่าเนินมรณะ ผมหยุดพักและวางสัมภาระลงกับพื้น หยิบอาหารมื้อกลางวันขึ้นมารับประทานพร้อมกับเพื่อนนักเดินทางที่เดินขึ้นมาด้วยกันซึ่งเป็นการเดินทางมายังจุดสุดท้าย ที่หลายคนเลือกที่จะพักผ่อนกินอาหารกัน ก่อนที่จะขึ้นไปยังจุดตั้งแคมป์ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้รู้ว่าปลายทางของภูสอยดาวอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว
ในเส้นทางผมเริ่มสัมผัสอากาศที่เย็นขึ้นเมื่อเดินขึ้นมาในจุดที่จะถึงยอดเป็นความรู้สึกเล็กๆ ของนักเดินทาง ที่ชอบเดินป่า จะเข้าใจในความรู้สึกนี้ดี ด้วยสัญญาณของความรู้สึกเข้าใกล้กับสิ่งที่ดูเหมือนจะเรียกว่าความสำเร็จ ซึ่งเป็นความสำเร็จประจำวันที่มีค่าที่ไม่อาจลบเลือน
ทุกคนเดืนทางมาถึงยังแคมป์ที่มีวิวทิวทัศน์เป็นลานสนอยู่ข้างหน้า เป็นช่วงเวลาที่ผมได้สลัดความเหน็ดเหนื่อยที่มีมาตลอดทั้งวันออกจากร่างกาย ซึ่งคงจะทำให้หลายคนในวันนี้ได้พบกับปลายทางที่ทุกคนใฝ่หา
"ลานสนภูสอยดาว" ท่ามกลางทุ่งดอกหงอนนาค
สวยงามจริงๆ ยิ่งมาดูด้วยสายตาของตัวเอง ผมสูดอากาศบริสุทธิ์ สัมผัสกับธรรมชาติให้สุขใจอย่างเต็มที่ ก่อนพรุ่งนี้จะต้องเดืนทางกลับ คงไม่มีงานเลี้ยงไหนที่ไม่มีวันเลิกรา การเดินทางทำให้เรารู้คุณค่าของชีวิตจริงๆ ขอบคุณธรรมชาติที่สวยงามเหล่านี้ที่ทำให้เราพบกับความสุข ความสงบที่แท้จริง อย่าลืมนะครับว่าชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่ควรจะได้ใช้อย่างคุ้มค่าในทุกวินาที ..ออกเดินทางกันเถอะครับ #ตามตะวัน
"ปลายทาง" - Google News
July 26, 2020 at 03:12PM
https://ift.tt/2D7L1S1
ภูสอยดาว ดินแดนแห่งสายหมอกและดอกหงอนนาค - ช่อง 7
"ปลายทาง" - Google News
https://ift.tt/2Yb5L3F
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/2A5APrD
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ภูสอยดาว ดินแดนแห่งสายหมอกและดอกหงอนนาค - ช่อง 7"
Post a Comment